ฟุตบอลยูโร 2020 มีกฎกติกาอย่างเป็นทางการแล้วว่าทีมที่จบอันดับที่ 1 กับอันดับที่ 2 จะได้ผ่านเข้าไปรอบ 16 ทีมสุดท้ายต่อไปอย่างแน่นอน แต่ก็ยังเหลือโควต้าอีก 4 ทีมโดยการคัดเลือกจากอันดับที่ 3 ที่มีผลคะแนนได้เสียที่ดีที่สุดผ่านเข้ารอบตามกันไป ซึ่งทีมที่ได้รับสิทธิ์โควต้านี้ได้แก่ โปรตุเกส , สาธารณรัฐเช็ก , สวิตเซอร์แลนด์ และยูเครน เรามาดูกันว่าทั้งสี่ทีมนี้มีเส้นทางจากจุดเริ่มต้นแบบไหนกัน
โควต้าอันดับ 3 ที่ดีที่สุดในฟุตบอลยูโร 2020
1.โปรตุเกส
“ทัพฝอยทอง” แชมป์เก่ายูโรของปี 2016 ได้เข้ามาอยู่ในกลุ่มเอฟ ซึ่งเป็นกลุ่มที่โหดที่สุดในทัวร์นาเมนท์นี้ โดยมี ทีมชาติฝรั่งเศส , ทีมชาติเยอรมัน , ทีมชาติฮังการี ถึงแม้ว่าเกมแรกที่เจอฮังการีจะเป็นฝ่ายถล่มไปได้ 3-0 เก็บสามแต้มไปได้สบายๆ แต่ก็ต้องมาพ่ายแพ้ความแข็งแกร่งของเยอรมัน 2-4 สร้างความกดดันที่จะต้องเข้าไปเจอแชมป์โลกปัจจุบันอย่าง ฝรั่งเศส ซึ่งทั้งสองทีมเคยพบกันในนัดชิงยูโร 2016 มาก่อนหน้านั้น
แน่นอนว่าทางฝั่งฝรั่งเศสที่กุมความได้เปรียบอยู่หัวตาราง ไม่ได้มีความกดดันเท่าโปรตุเกสที่จะต้องห้ามแพ้โดยเด็ดขาด ด้วยการจัดเต็มของทั้งสองทีมทำให้ผลสุดท้ายเป็นการเสมอกันไป 2-2 อย่างดุเดือด กอดคอผ่านเข้ารอบด้วยกันทั้งคู่ รวมไปถึงเยอรมันที่เสมอกับฮังการีผ่านเข้าไปเป็นอันดับที่ 2 ของกลุ่มเช่นกัน ทั้งนี้โปรตุเกสจะเข้าไปเจอกับทีมชาติเบลเยียมในรอบต่อไป
2.สาธารณรัฐเช็ก
เกมแรกของสาธารณรัฐเช็กในศึกฟุตบอลยูโร 2020 ถือว่าเป็นการเบิกทางเส้นทางการเข้ารอบได้อย่างดีหลังเอาชนะสก็อตแลนด์ 2-0 แต่เกมที่ 2 ก็มาเสมอกับโครเอเชีย 1-1 และมาพลาดท่าแพ้ให้กับอังกฤษ 0-1 ทำให้โครเอเชียที่ชนะสก็อตแลนด์ในเกมสุดท้ายขึ้นมาอยู่อันดับที่ 2 แทน และถึงแม้ว่าจะมีแต้มและลูกได้เสียเท่ากัน แต่ผลงานตามสถิติของโครเอเชียดีกว่า ทำให้โครเอเชียต้องจบที่อันดับ 3 ของกลุ่มดี แต่ก็สามารถคว้าตั๋วโควต้าเข้าไปเจอทีมชาติเนเธอร์แลนด์ในรอบต่อไป
3.สวิตเซอร์แลนด์
มาทางด้านของกลุ่มเอ แน่นอนว่ากลุ่มนี้ทีมชาติอิตาลีการันตีผ่านเข้ารอบไปได้สำเร็จเป็นทีมแรกด้วยการเอาชนะไปได้ทั้งสามทีม อย่างไรก็ตามในเกมแรกของสวิตเซอร์แลนด์ทำได้แค่เสมอกับเวลส์ 1-1 และเกมที่สองก็เป็นฝ่ายปราชัยให้อิตาลีด้วยสกอร์ 0-3 จนทำให้ต้องมาตัดสินกันในเกมที่สามโดยจะต้องลุ้นให้เวลส์แพ้อิตาลีให้เยอะๆ ผลปรากฎว่าเวลส์แพ้แค่ 1-0
สวิตเซอร์แลนด์เองก็เอาชนะตุรกีไปได้ 3-1 ทำให้มีแต้มเท่ากันแต่ผลลูกได้เสียเป็นฝ่ายเวลส์ที่ทำได้ดีกว่า แต่ทั้งนี้ก็ยังปลอบใจสวิตเซอร์แลนด์ได้ด้วยการคว้าสิทธิ์อันดับ 3 ที่ดีที่สุดไปได้ และในรอบน็อคเอ้าท์ 16 ทีม จะเข้าไปเจอกับฝรั่งเศส
4.ยูเครน
เรียกได้ว่าเป็นทีมที่อยู่นอกสายตาของการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 ครั้งนี้ แต่ก็ยังมีนักเตะในระดับตำนานอย่าง อังเดร เชฟเชนโก้ ที่เข้ามาเป็นกุนซือให้กับยูเครนครั้งนี้ แม้ว่าเกมแรกจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ 2-3 แต่ก็ต้องขอชื่นชมนักเตะและสต๊าฟในทีมที่เล่นกันอย่างเต็มที่ตามสไตล์ของเชฟเชนโก้
จนมาถึงเกมที่สองก็สามารถแก้ตัวได้สำเร็จหลังเอาชนะที่มน้องใหม่อย่าง ทีมชาตินอร์ทมาซิโดเนีย 2-1 คว้า 3 แต้มแรกได้อย่างยากอยู่พอสมควร และมาพลาดท่าในเกมสุดท้ายจากการแพ้ให้กับออสเตรีย 0-1 อย่างไรก็ตามยูเครนก็ยังเป็นทีมที่อยู่ในกลุ่มอันดับ 3 ที่ดีที่สุดจากการคัดเลือก 4 ทีมและจะเข้าไปพบกับสวีเดน ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย