กลายเป็นที่ผู้ถึงสำหรับทีมในกลุ่มเอฟของศึกยูโร 2020 หรือ “กรุ๊ปออฟเดธ” แปลง่ายๆ ก็คือกลุ่มแห่งความตายต้องมาตกรอบหมู่ทั้ง 4 ทีม ได้แก่ ฝรั่งเศส , โปรตุเกส , เยอรมัน , ฮังการี แน่นอนว่ามีทีมเดียวที่เป็นทีมอ่อนในกล่อมก็คงจะหนีไม่พ้นฮังการี แต่อย่างไรก็ตามอีกสามทีมที่เหลือสามารถผ่านเข้ารอบคัดเลือกแบ่งกลุ่มไปได้ จนเข้าไปรอบน็อคเอ้าท์ 16 ทีมสุดท้าย แต่ก็ต้องมาจอดป้ายเดียวกันทั้งสามทีม
ก่อนอื่นเลยสิ่งแรกที่คิดตอนแรกน่าจะมีสักทีมที่เข้ารอบอย่างแน่นอนคือ ฝรั่งเศส ซึ่งมีขุมกำลังที่มีความแข็งแกร่งในระดับดีกรีแชมป์โลกทีมล่าสุด แถมยังได้เจอทีมม้านอกสายตาอย่าง สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นทีมที่กระท่อนกระแท่นมาตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มแล้ว โดยได้โควต้าอันดับ 3 ที่ดีที่สุด หลายคนคงคิดว่าหวานหมูของทัพตราไก่แล้ว
ส่วนทางด้านโปรตุเกสกับเยอรมันถือว่าเจองานแข็งกว่าฝรั่งเศสอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะทัพอินทรีย์เหล็ก ที่ได้โคจรมาเจอทัพสิงโตทีมชาติอังกฤษอีกครั้ง โดยทัวร์นาเมนท์นี้นักเตะแดนผู้ดีในเกมรุกแต่ละคนถือว่ามีสกิลส่วนตัวที่สูงมาก แถมกุนซือหมาดเนียบ แกเร็ธ เซาธ์เกต ก็ยังจัดทีมได้อย่างละเมียดละไมในศึกยูโร 2020 ครั้งนี้มาก
สำหรับทัพฝอยทองทีมชาติโปรตุเกส ที่เข้ามาด้วยสิทธิ์อันดับสามที่ดีที่สุดของกลุ่มเอฟ เจองานหินไม่ใช่น้อยเมื่อต้องมาตัดเชือกกับเบลเยียม ดีกรีอันดับสามของฟุตบอลโลก 2018 ด้วยมาตรฐานการทำทีมที่เจิดจรัสในช่วงห้าปีภายหลังเป็นไปอย่างยอดเยี่ยม นักเตะระดับคุณภาพเกรดเอไม่ว่าจะเป็น อาซาร์ , เดอ บรอยน์ , ลูกากู ถือว่ามีเกมรุกที่น่ากลัวเช่นกัน ทำให้เป็นเรื่องที่ยากที่แชมป์เก่ายูโรอย่างโปรตุเกสจะผ่านเข้ารอบต่อไปได้
อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ตัวเต็งสามทีมยักษใหญ่ในยุโรปตกรอบยูโร 2020
1.เจอเกมโหดๆ ในรอบแบ่งกลุ่มทุกเกม
การแข่งขันในแต่ละเกมของกลุ่มเอฟเป็นไปอย่างดุเดือดและเข้มข้นทุกเกม ทำให้นักเตะมีความเหนื่อยล้าและใช้พลังงานเยอะ เนื่องจากระยะเวลาในทัวร์นาเมนท์ยูโรจัดเพียงแค่เดือนเดียวเท่านั้น นอกจากสามทีมใหญ่จะขับเคี้ยวกันเองแล้ว ทีมที่อ่อนที่สุดอย่างฮังการีก็ถือว่ากินยากเหมือนกัน เพราะทั้งฝรั่งเศสกับเยอรมันยังทำได้แค่เสมอเลย กลุ่มเอฟจึงเป็นกลุ่มที่ใช้พลังงานมากที่สุดในบอลยูโรครั้งนี้
2.ความประมาท
ยกตัวอย่างความประมาทของทีมชาติฝรั่งเศสที่เห็นได้ชัดที่สุด รูปบอลดีกว่ามาตลอดทั้งเกมบวกกับนำ 3-1 เหลือเวลาอีกแค่ 10 นาทีเท่านั้นก็จะเอาชนะผ่านเข้ารอบได้อยู่แล้ว แต่ดันมาพลาดให้ตีเสมอจนได้ พอมาดวลจุดโทษก็พลาดไปอีก ด้วยความที่คิดว่าสวิตเซอร์แลนด์ไม่น่าจะกลับมาได้ ฝรั่งเศสก็เลยเปลี่ยนตัวสำคัญเก็บไว้ ทำให้พ่ายแพ้ไปอย่างน่าเจ็บใจ
3.ทีมหมดแพสชั่น
บางทีการประสบความสำเร็จของทั้งสามทีมก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็น แชมป์โลก , แชมป์ยูโร และแชมป์ยูฟ่าเนชั่นลีก ทั้งหมดล้วนเป็นความสำเร็จที่ทั้งสามทีมเคยได้มาช่วงใน 7 ปีที่ผ่านมา แถมยังผ่านเข้ารอบลึกๆ มาได้โดยตลอด ดังนั้นไม่แน่ว่าบางทีความมีแพสชั่นของทีมใหญ่อาจจะน้อยกว่าทีมเล็กที่มีความมุ่งมั่นกว่าก็เป็นได้