ผลงานชิ้นล่าสุดในนามทีมชาติโปรตุเกสของผู้ชายที่วิเศษคนนี้ “คริสเตียโน่ โรนัลโด้” แข้งวัย 36 ปี ได้ประกาศศักดาในเกมการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 ว่าเขาคือเบอร์หนึ่งของฟุตบอลทีมชาติในโซนยุโรปด้วยการทำลายสถิติมากมายจนน่าเหลือเชื่อ แม้ว่าอายุจะมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่อาจจะทำให้ฟอร์มการเล่นตกลงเลยสักนิด สิ่งเหล่านี้เป็นตัวอย่างของคนที่อยากจะพยายามโดยการใช้พรแสวงมากกว่าพรสวรรค์ “ซีอาร์เซเว่น” ได้พิสูจน์แล้วว่าเขาทำได้จริงๆ
จุดเริ่มต้นแห่งความสำเร็จของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงฟุตบอลยูโร 2020
โรนัลโด้ เริ่มลงเล่นให้กับทีมชาติเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2003 ในเกมที่เจอกับ ทีมชาติคาซัคสถาน หลังจากนั้นเจ้าตัวก็ทำผลงานมาดีโดยตลอด โดยเฉพาะกับสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ระเบิดฟอร์มได้อย่างเปรี้ยงปร้าง ถัดมาอีกหนึ่งปีเขาได้มีรายชื่อติดทีมชาติโปรตุเกส เพื่อไปเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ฟุตบอลยูโร ในปี 2004 ซึ่งเป็นครั้งแรกในชีวิตของเด็กหนุ่มวัย 19 ปี และเป็นครั้งแรกที่ได้เข้าชิงชนะเลิศ กับ ทีมชาติกรีซ แต่ก็น่าเสียดายที่ต้องพลาดท่าแพ้ไป 1-0 เพราะปีนั้นกรีซเป็นทีมม้ามืดและเล่นได้ดีจริงๆ
วันเวลาก็ผ่านไปแต่ CR7 ยังคงรักษาฟอร์มการเล่นได้อย่างสม่ำเสมอ แต่ขอเน้นไปที่แมนฯ ยูไนเต็ดโดยตรง เพราะตอนนั้นจะเรียกว่าเป็นช่วงที่เขาพีคที่สุดเลยก็ว่าได้ เป็นช่วงที่กรอบโกยความสำเร็จอย่างแท้จริงทั้งโทรฟี่กับสโมสรและรางวัลส่วนตัว จนกระทั่งครบ 4 ปีในศึกฟุตบอลยูโรปี 2008 อีกครั้ง โดยในครั้งนี้ทัพฝอยทองมาได้ดีเช่นเดิมด้วยการจบหัวตารางกลุ่มเข้าไปถึงรอบน็อคเอ้าท์ 8 ทีมสุดท้ายแต่ก็ต้องตกรอบเร็วกว่าเดิมจากการพ่ายแพ้ให้กับทีมชาติเยอรมัน 3-2
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะมีผิดหวังกันไปบ้าง โรนัลโด้ ก็ยังพยายามมุ่งมั่นต่อไปเพื่อให้ตัวเองได้พัฒนายิ่งขึ้น ซึ่งหลังจากที่ตกรอบฟุตบอลยูโรแล้ว เขาก็มีข่าวลือย้ายทีมอย่างหนัก จนในที่สุดปี 2009 ก็ย้ายไปอยู่สโมสรเรอัล มาดริด ทีมเจ้ายุโรปของลาลีกา ลีก ประเทศสเปน กลายเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตขเงอเขาเป็นอย่างมากเพราะสามารถยกระดับของตัวเองได้สูงกว่าเดิมจนกลายเป็นแข้งระดับโลกอย่างเต็มตัว จนเข้าสู่ฟุตบอลยูโรปี 2012 อีกครั้ง ซึ่งเป็นครั้งที่ 3 ของเจ้าตัวแต่ครั้งนี้พิเศษหน่อยเพราะได้รับหน้าที่เป็นกัปตันทีมชาติโปรตุเกส ซึ่งถึงแม้ว่าปีนั้นจะตกรอบไปก็ตาม แต่ก็ถือว่าเป็นเกียรติสูงสุดแล้วที่ได้เป็นผู้นำของเพื่อนร่วมทีม
ในที่สุดปีแห่งการรอคอยก็มาถึงทัพฝอยทองยังคงเรียกชื่อ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ให้เป็นผู้นำของทีมเหมือนเดิมในศึกยูโร 2016 ที่ประเทศฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ แม้ว่าโปรตุเกสจะเข้ารอบมาอย่างกระท่อนกระแท่น แต่ก็สามารถทะลุเข้ามาถึงรอบชิงกับทีมชาติฝรั่งเศสได้สำเร็จ โรนัลโด้ เตรียมตัวมาอย่างดีและต้องการจะแก้ตัวที่เคยพลาดแชมป์ให้กรีซเมื่อปี 2004
แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อฝันร้ายตกลงมาที่แข้งคนสำคัญอย่าง โรนัลโด้ เพียงแค่ 25 นาทีเท่านั้นที่เขาต้องเล่นในแมตซ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต เนื่องจากได้รับอาการบาดเจ็บจากการปะทะกันในสนาม จนเจ้าตัวถึงกับกลั้นน้ำตาไม่ไหวกับความผิดหวังที่รอคอยมานาน โรนัลโด้ยังคงที่จะเชียร์เพื่อนร่วมทีมที่ข้างสนามแทบจะไม่ได้นั่งด้วยซ้ำ เขายืนอยู่ข้างผู้จัดการทีมอยู่ตลอดเวลาคอยกระตุ้นทุกคนจนถึงในช่วงต่อเวลาพิเศษนาทีที่ 109 โปรตุเกสขึ้นนำ 1-0 และเป็นลูกเดียวที่ปิดบัญชีคว้าแชมป์ยูโรเป็นครั้งแรกอย่างน่าประทับใจ ยิ่งไปกว่านั้นยังถือว่าเป็น ดับเบิ้ลแชมป์โทรฟี่ยุโรป ของโรนัลโด้อีกด้วยเช่นกัน เพราะในปีเดียวกันสามารถคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกได้สำเร็จ
เข้ามาสู่ปีนี้ ฟุตบอลยูโร 2020 ถึงแม้ว่าจะไปได้ถึงเพียงแค่รอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่สตาร์ดังชาวโปรตุเกสสามารถคว้ารางวัลดาวซัลโวประจำทัวร์นาเมนท์ไปได้ และทำลายสถิติมากมายได้แก่ ดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของฟุตบอลยูโร 14 ประตู , ลงเล่นศึกยูโรติดต่อกัน 5 ครั้ง และทำประตูได้ติดต่อกัน 5 ครั้ง ทั้งหมดนี้คือความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้